ประเด็นร้อน
จ่อยื่นฟ้องศาลปม ม.44 - กสทช.เอื้อ 3 ค่ายมือถือยืดหนี้ 10 ปี
โดย ACT โพสเมื่อ Apr 21,2019
- - ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยพีบีเอส - -
กลุ่มญาติวีรชนฯ และภาคประชาชน เตรียมยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ หลังร่วมกันชำแหละ มาตรา 44 - กสทช.เอื้อ 3 ค่ายมือถือยืดหนี้ 10 ปี ไม่คิดดอกเบี้ย ใช้อำนาจโดยมิชอบ หวั่นเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย
วันนี้ (20 เม.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสำนักงาน กสทช.ตัดสินใจให้เอกชนที่บริการโทรคมนาคม 3 รายที่ให้บริการ 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ มีโอกาสบริการ 5G คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ ได้ต่อไปโดยไม่ต้องประมูล และ กสทช.กำหนดให้ทั้ง 3 รายขยายเวลาชำระเงินประมูล 4G ออกไปได้เป็น 10 ปี จากเดิมต้องชำระใน 5 ปี และไม่คิดอัตราดอกเบี้ยนั้น ล่าสุด เช้าวันนี้ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับคณะตรวจสอบภาคประชาชนร่วมกันแถลงคัดค้านการใช้ มาตรา 44 โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน มิใช่สาธารณะประโยชน์
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ คณะกรรมการญาติวีรชนฯ เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ออกมาตรา 44 เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนค่ายมือถือ แต่ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้เกิดกับสาธารณประโยชน์ จึงมองว่าเป็นการออกกฎหมายโดยไม่ชอบ หลังจากมีหลายหน่วยขณะนี้ เริ่มออกมาคัดค้าน โดยเฉพาะล่าสุด กรณีที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้กล่าวเตือนทักท้วง แต่รัฐบาลไม่ได้รับฟัง มีการใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจโดยไม่ฟังเสียงประชาชน เป็นเรื่องที่น่ากังวลและมาดำเนินการในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมกับกาลเทศะในช่วงนี้อย่างยิ่ง
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ภาคประชาชน กล่าวว่า การออก มาตรา 44 ตามเจตนารมณ์ มีไว้สำหรับความจำเป็นเพื่อปฏิรูป, ส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์, ป้องกันเหตุหรือระงับเหตุ หรือเกี่ยวข้องกับความจำเป็น ซึ่งมีหลายกรณีได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา แต่การนำมาตรา 44 มาใช้กับการดำเนินการคลื่นความถี่โทรคมนาคมนั้น รวมถึงเสมือนเป็นการสั่ง กสทช.ใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้วไปดำเนินการโดยไม่ชอบ ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐฐาธิปัตย์ที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ และส่งผลทำให้เกิดความเสียหายด้วยการขยายเวลาชำระงวดเงินประมูลของ 3 ค่ายมือถือจากเดิม 5 ปี ออกไปเป็น 10 ปี โดยไม่เสียดอกเบี้ย ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มผู้ประกอบการทีวีดิทัลที่ยังต้องจ่ายเงินประมูลทีวีดิจิทัลโดยต้องเสียดอกเบี้ยด้วย
นายอิสระ ยังได้เปิดเอกสารร่างคุณสมบัติเบื้องต้น (TOR) คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งกำหนดระยะเวลาการชำระค่าประมูลไว้ชัดเจน รวมถึงกำหนดเงื่อนไขการคิดอัตราใช้บริการกับประชาชน แต่ กสทช.ไม่ได้บังคับให้เป็นไปตามนั้น นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขการกำหนดค่าบริการ ที่ระบุว่า สัญญาคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ กำหนดไว้ห้ามคิดเกิน 0.60 บาท แต่ปัจจุบันพบว่าค่ายมือถือเก็บอยู่ที่ 1 บาทเศษ ดังนั้น การใช้อำนาจมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ซึ่งคดีเหล่านี้จะต้องนำขึ้นศาลเร็วที่สุด เพราะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ซึ่งการประกอบกิจการแม้พบว่าถ้าขาดทุนก็ไม่มีสิทธิ์จะร้องขอ และจากการตรวจสอบงบดุลของ บ.เอไอเอส พบว่ามีกำไร 3 ปี โดยในปี 2559-2560 กว่า 30,000 ล้านบาท และปี 2561 มีกำไรกว่า 20,000 ล้านบาท เหตุใดการลงทุนจึงไม่นำกำไรส่วนนี้มาดำเนินการ
“วันนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่าลงหัวใจคนไทย การออกมาตรา 44 และการที่ กสทช.ช่วยมหาเศรษฐีด้วยการอ้างถึง 5G ที่จำเป็นต้องทำ แต่กลับเป็นการล็อกสเปกให้กับ 3 บริษัทในรูปแบบผูกขาด ไม่มีทางเลือก กรณีที่เกิดขึ้นผมจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ”
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การใช้อำนาจ มาตรา 44 ต่อประเด็นที่ให้ กสทช.ดำเนินการเอื้อประโยชน์ให้ค่ายมือถือ เป็นการทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ เพราะบริษัททั้ง 3 รายมีผลประกอบการกำไรในเกณฑ์ดี ซึ่งการเรียกคืนความถี่คืนนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 แม้ว่านายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ระบุว่าการยืดชำระค่าประมูลจะทำให้รัฐมีรายได้มากกว่า 30-40% แต่ถ้านำคลื่น 5G ไปเปิดประมูล มั่นใจว่าจะทำให้รัฐมีรายได้มากกว่าการไม่เปิดประมูล ซึ่งไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน
สำหรับคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ ที่จะนำใช้บริการ 5G นั้น การนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุนมหาศาล จำเป็นต้องใช้คลื่นความถี่มากกว่า 700 เมกะเฮิรตซ์ แต่ไม่สามารถรองรับการใช้ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ ซึ่งการใช้คำสั่ง คสช.ลักษณะนี้ เข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ และหากพิจารณาจากเนื้อหาตามมาตรา 44 จะพบว่ามาตรา 44 ไม่ได้บอกชัดว่าให้ กสทช.ทำอย่างนี้อย่างนั้น แต่การใช้มาตรา 44 เสมือนกำลังโยนความรับผิดชอบไปให้ กสทช.ที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นเลขาธิการ กสทช.จะแบกรับความเสี่ยงไว้เอง
#ร่วมเป็นคนไทยตื่นรู้สู้โกง
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน